โดย นายกังวาน
สวัสดีครับ เพื่อสมาชิก Anone club และผู้สนใจภาษาญี่ปุ่นทุกท่าน วันนี้เราก็กลับมาพบกับท่านตามคำเรียกร้องอีกเช่นเคย เป็นประจำทุกปี ปีนี้เป็นครั้งที่ 45 แล้วนะครับ ในครั้งนี้เราจะพาทุกท่านมาพบคนเก่งของเรา เป็นคนเก่งระดับมหาวิทยาลัยและบุคคลทั่วไปของปีนี้
น้องคนเก่งของเราเป็นหนุ่มเมืองแดนดินถิ่นไดโนเสาร์ครับ เพื่อนเดาได้ไหมว่าน้องมาจากจังหวัดอะไร ถ้าเดาไม่ออก ไม่เป็นไรครับ เราไปพบกับเขากันเลยผ่านบทสัมภาษณ์สั้นๆ จะทำให้เรารู้จักน้องคนเก่งกันมากขึ้น ก่อนที่จะได้อ่านบทสุนทรพจน์ที่น้องนำเข้าประกวดในลำดับต่อไปนะครับ แล้วเราจะรู้ว่า ไม่ว่าฉันจะอยู่ข้างในผม หรือผมอยู่ข้างนอกฉัน ถ้าทุกคนมีความมุ่งมั่นเชื่อว่าทุกท่านจะประสบความสำเร็จได้แน่นอนครับ งงใช่ไหมครับ อย่าเพิ่งงง เราตามมาทำความรู้จักกับคนเก่งของเราพร้อมกันเลยดีกว่านะ พร้อมแล้ว ไปกันเลย
นายกังวาน : おはようございます! สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ แนะนำตัวด้วยครับ
น้องบิว : สวัสดีครับชื่อนายศิวพล จะสูงเนิน ชื่อเล่น บิวครับ อายุ 21 ปี เป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์ LineID: bewty5010 facebook: Siwapol Jasungnaen IG: Siwapol Jasungnaen
นายกังวาน : จัดเต็มทุกช่องทางการโซเชียลครับ น้องบิวศึกษาอยู่ที่ไหนครับ
น้องบิว : ตอนนี้นะครับ กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 4 สาขาภาษาญี่ปุ่น คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
นายกังวาน : เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นหรือสนใจภาษาญี่ปุ่นเมื่อไหร่ครับ
น้องบิว : ก่อนอื่นบิวต้องบอกก่อนว่าตอนมัธยมปลายบิวเรียนสายวิทย์-คณิตนะครับ พอดีว่าตอนนั้นทาง โรงเรียน ให้นักเรียนทุกคนลงเรียนภาษาที่สองเพิ่มเติม มีจีน ญี่ปุ่น เกาหลี พูดแล้ว ก็รู้สึกอาย ตอนนั้นเทรนด์เกาหลีกำลังมาแรง บิวก็ไปต่อแถวรอลงเรียนภาษาเกาหลีแต่ก่อนจะถึงบิว ประมาณ 3 คน ภาษาเกาหลีก็เต็มก่อน บิวเลยต้องมาเรียนภาษาญี่ปุ่นแต่ตอนนั้นบิวก็ชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นมาก พอได้ เรียนแล้วก็รู้สึกชอบอะไรที่เป็นญี่ปุ่น เพลง หนัง ที่ชอบที่สุดคือวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและเริ่มเรียนรู้ด้วย ตัวเองมากขึ้น เริ่มรู้สึกสนุกกับการ เรียนภาษาญี่ปุ่นแล้วบิวได้ยินมาว่าทำงานด้านภาษาญี่ปุ่นเงินเดือน สูงมากพอเข้ามหาวิทยาลัยบิวเลยตัดสินใจเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่น
นายกังวาน : โชคดีนะครับที่ภาษาเกาหลีเต็มซะก่อน ไม่งั้นเราคงไม่ได้มีโอกาสมาเจอกันนะครับ อาจจะเจอ โอตะคุแทนก็เป็นได้ ว่าแต่หลังจากเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นแล้ว เป็นอย่างไรบ้างครับและมีวิธีการเรียนอย่างไร
น้องบิว : พอเริ่มเรียนในระดับมหาวิทยาลัยบิวรู้สึกว่ามันยากมาก ท้อมาก ไม่เหมือนกับที่เคยเรียนมาในระดับมัธยมเลย จนเคยคิดอยากจะชิ่งไปเรียนอย่างอื่น แต่บิวก็คิดเสมอว่าถ้าคนเรามีความพยายามทำอะไรก็
จะสำเร็จ บิวจึงเริ่มปรับปรุงตัวเองมากขึ้น เริ่มจากการตื่นเช้าแล้วลุกมาอ่านหนังสือวันที่ไม่มีเรียน เวลา
ไปไหนก็จะมีหนังสือเล่มเล็กๆ ติดตัวอยู่เสมอเอาไว้อ่าน และถ้ามีเวลาว่างก็จะพยายามไปห้องสมุดเพื่อ
ยืมหนังสือมาอ่านบ่อยๆ หลายคนอาจสงสัยว่าอ่านหนังสือมากไปไม่เครียดหรือ บางครั้งก็เครียดนะ ครับ แต่บิวก็มีวิธีในการคลายเครียด ก็อาจจะเหมือนหลายๆ คน บิวก็จะไปดูหนัง ไปช้อปปิ้งกับเพื่อน หรือบาง ครั้งก็ฟังเพลงอยู่ในห้องแล้วก็หลับไป เค้าบอกว่าการนอนคือการคลายเครียดได้ดีที่สุด ถึงจะ บอกว่า ภาษาญี่ปุ่นยากแต่บิวก็สามารถทนเรียนมาได้จนถึงทุกวันนี้
นายกังวาน : 日本語は難しいですがおもしろいです。ภาษาญี่ปุ่นยากแต่น่าสนใจนะครับ ถ้าเราตั้งใจ มันก็ไม่ น่าจะยากเกินความพยายามของเราไหม ว่าแต่ว่า น้องบิวชอบหรือ สนใจอะไรเป็นพิเศษไหมครับ
น้องบิว : ที่บิวตัดสินใจเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างที่บิวได้บอกไปอาจเป็นเพราะความชอบด้วย แต่ที่ สำคัญที่สุดบิวชอบในการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น คือเขาให้เกียรติกันอย่างมากและเขาก็มี ความตรงต่อเวลา มีระเบียบวินัยมาก อย่างเช่นที่บิวรู้และได้ยินมาบ้างคนญี่ปุ่นไม่ว่าจะซื้อ ของหรือรอขึ้นรถต้องต่อแถวทุกครั้ง ซึ่งเป็นอะไรที่บิวประทับใจมากอยากให้สังคมบ้านเรา เป็นแบบนั้นบ้าง และบิวก็ชอบวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมากอย่างที่บอกไป ชอบงานเทศกาล ต่างๆ และสถานที่ท่องเที่ยวต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองให้ได้เลยครับ
นายกังวาน : ฝันเป็นจริงแล้วนะครับ คงได้ไปทัศนศึกษาญี่ปุ่นแน่นอน และจะได้ไปสัมผัสกับวัฒนธรรม
วิถีชีวิต ความมีระเบียบวินัย การเคารพกฎระเบียบ การคิดถึงส่วนรวม การให้เกียรติผู้อื่นและอื่นๆ ที่เป็น
สิ่งดีต่อสังคมประเทศญี่ปุ่น ว่าแต่ว่าน้องบิวมีคำแนะนำในการเรียนภาษาญี่ปุ่นไหมครับ
น้องบิว : ในการเรียนภาษาญี่ปุ่นขึ้นอยู่กับตัวเราเองครับ คือเราต้องมีความขยันและมีความอดทนอย่างมาก การเรียนภาษาสิ่งที่ต้องทำทุกวันคือการท่องคำศัพท์ ต่อมาคือไวยากรณ์ครับซึ่งไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นเยอะ
มากและก็ยากมากครับ ต้องทบทวนทุกวันเพื่อจะได้ไม่ลืม ถ้าเราฟังบ่อยๆ เราก็จะคุ้นเคยและรู้จักคำ
ศัพท์มากขึ้นด้วยครับ ถ้าเราเรียนภาษาญี่ปุ่นยังไงก็ต้องได้ใช้อยู่แล้ว เช่นตอนนี้บิวก็ใช้ในชั่วโมงเรียน ใช้คุยกับอาจารย์กับเพื่อนคนญี่ปุ่นครับ เพื่อนคนไหนที่กล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าสมัครเข้ามาแข่ง ไม่ต้องกลัว
นะครับ อย่างน้อย เมื่อโอกาสมาถึงเราต้องรีบคว้าเอาไว้ ต้องลองสักครั้งถือว่าเป็นประสบการณ์สักครั้ง
ใน ชีวิต ตอนที่บิวมาแข่งก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้รางวัล แค่ต้องการมาหาประสบการณ์ ในเมื่อเรียน
ภาษาญี่ปุ่นแล้วก็ต้องกล้าที่จะใช้ภาษาญี่ปุ่น เพื่อนคนไหนมีข้อสงสัยก็ทักมาถาม ทักมาพูดคุยกันได้
หรืออยากให้ช่วยเหลืออะไรเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นก็ทักมาคุยกับบิวได้เลย ยินดีให้คำแนะนำและเต็มใจที่
จะช่วยเหลือเท่าที่บิวจะช่วยได้ครับ
นายกังวาน : ความขยันและมีความอดทนเป็นสิ่งที่น้องบิวมี จึงทำให้ประสบความสำเร็จในวันนี้ และยังมี น้ำใจช่วยเหลือเพื่อนๆ ด้วยนะครับ สุดยอดเลย มาถึงเรื่องประกวดในครั้งนี้ ทราบข่าวจากไหน
ใครแนะนำให้เข้าประกวด และมีการเตรียมเข้าประกวดตัวอย่างไรบ้างครับ
น้องบิว : ในการประกวดครั้งนี้ ทราบข่าวจากทางเว็บเพจของสมาคมฯ ครับ อาจารย์ที่ มหาวิทยาลัย และครอบครัวก็คอยสนับสนุนอยากให้ลองสมัครดูครับ ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นการหา ประสบการณ์อย่าไปเครียดว่าจะชนะหรือแพ้ แค่เราตั้งใจทำให้เต็มที่ก็พอ สำหรับใครที่ เรียนภาษาญี่ปุ่นไม่ต้องกลัว ถือว่าที่นี่เป็นเวทีที่ให้โอกาสได้แสดงความสามารถด้าน ภาษาญี่ปุ่นของเรา ขอแค่เรามีความกล้า ความตั้งใจและพยายามทำอย่างเต็มที่ เราก็จะ ประสบความสำเร็จได้ครับ ใครที่อยากรู้เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นหรืออยากรู้เกี่ยวกับการประกวดสุนทรพจน์ก็สามารถพูดคุยกับบิวได้นะครับ ถึงบิวจะไม่เก่งแต่ก็จะช่วยอย่างเต็มที่ แน่นอน LineID: bewty5010 facebook: Siwapol jasungnaen แอดมาคุยกันได้นะครับ
นายกังวาน : สุดท้ายนี้ในนามทีมงาน ขอขอบคุณน้องบิวที่เสียสละเวลามาให้สัมภาษณ์และให้คำแนะนำ ที่มีประโยชน์แก่เพื่อนๆ นะครับ ถัดไปเราไปลองอ่านบทสุนทรพจน์ของน้องบิวพร้อมกัน ครับ แล้วจะทราบว่า ฉันข้างในผม 僕の中私 คืออะไร และน้องบิวต้องการจะสื่อถึงอะไร อย่างไร พร้อมแล้วเชิญติดตามได้เลยครับ ขอบคุณครับ แล้วพบกับน้องคนเก่งคนต่อไปนะครับ
น้องบิว : ขอบคุณครับ และยินดีครับ
……………………………………………………………………………………………….
僕の中私(ぼくのなかのわたし)
シワポン・ジャスヌーン
みなさん、いきなりですが、ちょっと質問(しつもん)をしてもいいですか。みなさんは、自分(じぶん)に生(う)まれてよかったと思(おも)いますか。自分(じぶん)のことが好(す)きですか。
こどもの頃(ころ)、僕(ぼく)は家族(かぞく)といっしょに住(す)んでいました。僕(ぼく)の家族(かぞく)は女性(じょせい)が多(おお)くて、友達(ともだち)も大体(だいたい)女(おんな)の子(こ)でした。だから、いつも女(おんな)の子(こ)とバービー人形(にんぎょう)で遊(あそ)んでいました。男(おとこ)の子(こ)が好(す)きなサッカーやたたかいごっこなどの遊(あそ)びはきらいでした。「女(おんな)と遊ぶな」と父(ちち)は僕(ぼく)をよく叱(しか)りました。
中学生(ちゅうがくせい)になると、そんな僕(ぼく)をみんながきびしい目(め)で見(み)るようになりました。男(おとこ)の友達(ともだち)は僕(ぼく)をいじめました。僕(ぼく)はすごくかなしくて、「学校(がっこう)をやめたい」と思(おも)いました。そんな時(とき)、僕(ぼく)はある男(おとこ)の人(ひと)のことを好(す)きになりました。彼(かれ)は、3年生(さんねんせい)でした。イケメンで、とてもやさしそうでした。その先輩(せんぱい)はいつも僕(ぼく)の話(はなし)を聞(き)いてくれたり、勉強(べんきょう)を教(おし)えてくれたりしました。
「好(す)き」と言(い)いたかったです。でも、先輩(せんぱい)に会(あ)ったら、恥(は)ずかしくて言(い)えませんでした。その後(ご)、先輩(せんぱい)に僕(ぼく)の気(き)持(も)ちが知(し)られてしまいました。「ただの後輩(こうはい)だと思(おも)っているよ」と先輩(せんぱい)は言(い)いました。その言葉(ことば)を聞(き)いて涙(なみだ)が出(で)ました。「男(おとこ)の子(こ)が男(おとこ)の子(こ)を好(す)きになったらダメなの?」と思(おも)いました。
高校3年生(こうこうさんねんせい)になると、僕(ぼく)はアルバイトをしようと思(おも)いました。授業料(じゅぎょうりょう)やお小遣(こづか)いを稼(かせ)ぎたかったからです。アイスクリームを売(う)る店(みせ)や、ピザを売(う)る店(みせ)で働(はたら)こうと思(おも)いました。お客(きゃく)さんの世話(せわ)をする仕事(しごと)が好(す)きだったからです。でも、面接(めんせつ)に行(い)ったら、断(ことわ)られました。「男(おとこ)を募集(ぼしゅう)しているんだよ」と店長(てんちょう)は僕(ぼく)を見(み)て言(い)いました。
だから、他(ほか)のところに応募(おうぼ)してみました。やっと、仕事(しごと)が見(み)つかりました。デパートの店員(てんいん)です。学校(がっこう)が休(やす)みの3か月間(さんかげつかん)働(はたら)きました。月給(げっきゅう)は6,000バーツでした。安(やす)かったけど、働(はたら)くチャンスがもらえました。
高校(こうこう)を卒業(そつぎょう)して、僕(ぼく)は大学(だいがく)に進学(しんがく)しました。日本語(にほんご)の専攻(せんこう)です。高校生(こうこうせい)の時(とき)、「ドラえもん」を見(み)て内容(ないよう)がわかるようになりたいと思(おも)ったからです。そして、アルバイトも同(おな)じデパートで続(つづ)けています。
「休(やす)みになったら、また働(はたら)きにきてくれよ」と上司(じょうし)は言(い)ってくれます。うれしいです。形(かたち)だけで、人(ひと)を見(み)るのでなくて、僕(ぼく)の良(よ)さをわかってくれます。僕(ぼく)が一生懸命(いっしょうけんめい)働(はたら)くこと、仕事(しごと)に対(たい)する責任感(せきにんかん)が強(つよ)いことをわかってくれます。今(いま)では、月給(げっきゅう)は10,000バーツになりました。
今(いま)、僕(ぼく)は大学(だいがく)の4年生(よねんせい)になりました。大学(だいがく)を卒業(そつぎょう)したら、学校(がっこう)の先生(せんせい)になって、日本語(にほんご)を教(おし)えようと思(おも)っています。両親(りょうしん)も僕(ぼく)に先生(せんせい)になってほしいと思(おも)っています。名誉(めいよ)ある仕事(しごと)だし、安定(あんてい)しているからです。先生(せんせい)になったら、どんなこどもも公平(こうへい)に扱(あつか)いたいです。僕(ぼく)が感(かん)じた悲(かな)しさを味(あじ)わってほしくないです。
みなさんは、オカマがきらいですか。普通(ふつう)の女性(じょせい)より化粧(けしょう)が濃(こ)かったり、はでな服(ふく)を着(き)ていたり、しぐさが変(へん)に女(おんな)っぽいから、好(す)きじゃないかもしれませんね。
僕(ぼく)の中(なか)にはいつも「私(わたし)」がいます。その「私(わたし)」のせいで、今(いま)までつらい思(おも)いをしました。そして、これからもその「私(わたし)」といっしょに生(い)きていくしかありません。みなさん、僕(ぼく)のいいところを見(み)てくれませんか。人(ひと)はみんな同(おな)じではありません。だから、広(ひろ)くてやさしい気(き)持(も)ちで人(ひと)を見(み)ることが大切(たいせつ)だと思(おも)います。人(ひと)と違(ちが)うところがある人(ひと)が、自分(じぶん)に生(う)まれてよかったと言(い)えるような社会(しゃかい)になればいいなと思(おも)います。
ฉันข้างในผม
ศิวพล จะสูงเนิน
ทุกคนครับ จู่ๆผมถามคำถามแบบนี้จะเป็นไรไหมครับ ทุกคนคิดว่าการเกิดเป็นตัวเองดีไหมครับ ชอบตัวเองไหมครับ
ตอนเด็กผมอาศัยอยู่ด้วยกันกับครอบครัว ครอบครัวของผมส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเพื่อนส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง ดังนั้น เลยเล่นตุ๊กตาบาร์บี้กับเพื่อนผู้หญิงอยู่เสมอ ไม่ชอบเล่นฟุตบอล เกมการต่อสู้ที่เด็กผู้ชายชอบ พ่อดุผมว่า “ห้ามเล่นกับผู้หญิง”
ตอนมัธยมต้นผมถูกทุกคนมองด้วยสายตารังเกียจ ถูกเพื่อนผู้ชายรังแก ผมรู้สึกเสียใจมาก คิด “อยากลาออกจากโรงเรียน” ตอนนั้นผมแอบชอบผู้ชายคนหนึ่ง เขาอยู่ปี่สาม หล่อ ใจดีมาก รุ่นพี่คนนั้นคอยรับฟังผมเสมอและก็สอนหนังสือให้ด้วย
อยากบอกว่า “ชอบ” แต่พอเจอหน้ารุ่นพี่ก็จะรู้สึกเขินอายไม่กล้าบอก หลังจากนั้นรุ่นพี่ก็รู้ถึงความรู้สึกของผมรุ่นพี่บอกว่า “คิดกับผมเป็นแค่รุ่นน้อง” พอได้ยินคำพูดนั้นผมก็ร้องไห้ออกมา คิดสงสัยว่า “ผู้ชายกับผู้ชายชอบกันไม่ได้หรือ”
ตอน ม. 6 ผมคิดอยากจะทำงานพิเศษ เพราะอยากได้ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เลยคิดจะทำงานร้านพิชซ่าและก็ร้านไอศกรีม เพราะว่าชอบงานบริการลูกค้า แต่ถูกปฏิเสธ เจ้าของร้านบอกว่า “อยากได้ที่เป็นผู้ชายจริงๆ”
ดังนั้นเลยลองหางานใหม่อีกครั้ง ได้ทำงาน เป็นพนักงานห้าง ทำงานช่วงโรงเรียนปิดเทอม 3 เดือน เงินเดือน 6 พันบาท ถึงจะน้อยแต่ก็ได้รับโอกาสในการทำงาน
พอเรียนจบมัธยมปลาย ผมก็เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย สาขาภาษาญี่ปุ่น เพราะตอนมัธยมปลายดูโดราเอม่อน คิดว่าอยากจะเข้าใจเนื้อหาและก็ใช้ในการทำงานพิเศษที่ห้างต่อไปด้วย
หัวหน้าบอกว่า “ถ้าปิดเทอมก็ให้กับมาทำงานอีกครั้ง” รู้สึกดีใจ ที่ไม่ได้มองคนเพียงแค่รูปร่างหน้าตา มองเห็นความดีของผม ผมเป็นคนที่ขยันทำงานและมีความรับผิดชอบต่องานสูง ในตอนนี้เงินเดือน 1 หมื่นบาท
ตอนนี้ผมอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 4 ถ้าเรียนจบมหาวิทยาลัย คิดว่าอยากเป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่น พ่อแม่ก็อยากให้เป็นครูด้วย เพราะเป็นงานที่มีเกียรติและมีความมั่งคง ถ้าเป็นครู ไม่ว่าเด็กแบบไหน ก็จะให้ความยุติธรรม ผมไม่อยากให้รู้สึกเสียใจเหมือนกับผม
ทุกคนเกลียดกระเทยไหม เพราะแต่งหน้าจัดกว่าผู้หญิงทั่วไป ใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาด บุคลิกท่าทางมากกว่าผู้หญิง อาจจะไม่ชอบใช่ไหม
ข้างในผมก็ยังมี “ฉัน” อยู่เสมอ เพราะว่ามี “ฉัน” เลยทำให้ลำบาก และหลังจากนี้ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากยอมรับใน “ฉัน” ทุกคนช่วยมองที่ข้อดีของผมได้ไหม คนทุกคนมีความแตกต่างกัน ดังนั้น คิดว่ามองคนด้วยความใจที่กว้างและเอื้ออาทรเป็นสิ่งสำคัญ คิดว่าอยากได้สังคมที่ดีที่คนทุกคนที่มีความแตกต่าง รู้สึกดีที่ได้เกิดมาเป็นตัวเอง
……………………………………………………………………………………………………